“หนองจิก” หนึ่งในสามเมืองต้นแบบ ตามโครงการเมืองต้นแบบ สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ที่ถูกกำหนดให้เป็น “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตร” ตามนโยบายแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาล ที่มีเป้าหมาย เพื่อพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจเฉพาะ กระตุ้นให้เกิดการลงทุน รวมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่และใกล้เคียง อำเภอหนองจิก มีศักยภาพในการพัฒนาหลายด้าน ประกอบด้วย การคมนาคมขนส่ง ที่สามารถเดินทางและกระจายสินค้าได้ทั้งทางบกและทางทะเล มีพื้นที่และผลิตผลทางการเกษตรจำนวนมากเหมาะสมในการตั้งโรงงานเพื่อแปรรูปทางการเกษตรและการทำเกษตรอุตสาหกรรมแบบครบวงจร นอกจากนี้ยังมีส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ที่พร้อมบูรณาการความร่วมมือได้อย่างเต็มที่ ตลอดจนการรวมกลุ่มของประชาชนทางด้านการเกษตรมีจำนวนมากและเข้มแข็ง
แม้ว่าที่ผ่านมาข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่อำเภอหนองจิก จะถูกหยิบยกนำเสนอผ่านสื่อมวลชนไม่มากนัก แต่การดำเนินการยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ ปี 2560 ที่ รัฐบาลอนุมัติงบประมาณ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการแปรรูปสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม รวมทั้งการขยายพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน ปัจจุบัน มีความคืบหน้าไปมาก โดยได้มีการส่งเสริมและพัฒนากระบวนการแปรรูปสินค้าและผลิตภัณฑ์ ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย สนับสนุน Young Smart Farmer ในพื้นที่ ส่งเสริมกลุ่มอาชีพ วิสาหกิจชุมชนสินค้า OTOP รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ กล่องบรรจุภัณฑ์ และการสร้างความหลากหลายของสินค้าเพื่อเพิ่มมูลค่า ซึ่งมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ผลิตอาหารแปรรูปเพื่อการจำหน่ายหลายกลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มวิสาหกิจชุมชน (ฟาร์มแพะ/แกะ) บารอกะฮ์ , วิสาหกิจชุมชนออรังปันตัย ตันหยงเปาว์ , วิสาหกิจชุมชนท่ายาลอ , วิสาหกิจศรีบารู , วิสาหกิจชุมชนปลาหวานดาริน ซึ่งแต่ละกลุ่มมีความเข้มแข็งในการบริหารจัดการ และพร้อมรับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวบ้านท่าด่าน และ กิจกรรมส่งเสริมและขยายพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน 2,800 ไร่ สำหรับในพื้นที่ อำเภอหนองจิกมีจำนวน 465 ไร่ โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณในการ ขุดร่องยกแปลง ซื้อพันธุ์ปาล์มและปุ๋ย ไม่เกิน 15 ไร่ต่อครัวเรือน รวมทั้งการส่งเสริมการปลูกมะพร้าว 4,000 ไร่ ซึ่งในพื้นที่อำเภอหนองจิก มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการรวม 200 ครัวเรือน
สำหรับการส่งเสริมศักยภาพด้านปศุสัตว์ ปัจจุบันได้จัดสร้างตลาดกลางปศุสัตว์จังหวัดปัตตานี ขึ้น ที่บริเวณพื้นที่ศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์ปัตตานี ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก บนเนื้อที่ 7 ไร่ เพื่อรองรับกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องกับปศุสัตว์ ตลอดจนประชาชนผู้บริโภค โดยมีเป้าหมายให้เป็นศูนย์กลางในการซื้อขายผลผลิตทาง ปศุสัตว์ โดยเฉพาะโค แพะ และสัตว์ปีก ตลอดจนผลผลิตทางการเกษตรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ได้มาตรฐาน กระตุ้นให้เกิดการค้าการลงทุน นำไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในพื้นที่และขยายผลไปยังพื้นที่ใกล้เคียง นอกจากนี้ยังเป็นการยกระดับตลาดปศุสัตว์ให้ได้มาตรฐาน มุ่งสู่การสร้างฐานเศรษฐกิจและศักยภาพในการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ
นอกจากการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการแปรรูปสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม แล้ว ยังมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุนจากภาคเอกชน เช่น การตัดถนนเลี่ยงเมือง ระหว่างถนนหมายเลข 43 เชื่อมกับ ถนนหมายเลข 42 ต.บาราโหม อ.เมืองปัตตานี รวมระยะทาง 14 กิโลเมตร เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่ง ตลอดจนแนวคิดในการพัฒนาสนามบินบ่อทอง ที่อยู่ในความดูแลของกองกำลังทหารอากาศเฉพาะกิจที่ 9 ให้เป็นสนามบินพาณิชย์ในระยะต่อไป
ส่วนในภาคการลงทุน ปัจจุบันมีภาคเอกชนสนใจมาลงทุนภาคธุรกิจอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่สอดคล้องกับศักยภาพพื้นที่ โดยคาดการณ์ว่าจะมีการลงทุนประมาณ 12,000-15,000 ล้านบาท อาทิ โครงการโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม ของบริษัท ปาล์มพัฒนาชายแดนใต้ จำกัด ที่จะเพิ่มกำลังการผลิตจาก 60 ตันทะลายต่อชั่วโมง เป็น 120 ตันทะลายต่อชั่วโมง ในปี 2563 บริษัท ยางไทยปักษ์ใต้ จำกัด , บริษัท ไทยเทครับเบอร์ จำกัด และบริษัทแปรรูปมะพร้าว หนองจิกพัฒนา นอกจากนี้ยังมีโรงงานแปรรูปผลไม้ โรงงานแปรรูปอาหารทะเล ล่าสุด กลุ่มอำพลฟู้ดส์ ได้แสดงความสนใจที่จะลงทุนโรงงานแปรรูปมะพร้าวแบบครบวงจรอีกด้วย
เพื่อเป็นการดึงดูดนักลงทุน รัฐบาลได้มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนภายใต้โครงการเมืองต้นแบบ โดยให้สิทธิพิเศษต่างๆ เช่น ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร ยกเว้นอากรขาเข้าร้อยละ 90 สำหรับวัตถุดิบนำเข้ามาผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเป็นเวลา 10 ปี ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี (ไม่จำกัดวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล) ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เป็นเวลา 5 ปี หักค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า และค่าประปา 2 เท่าของค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นเวลา 20 ปี หักเงินลงทุนในการติดตั้งหรือก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก ร้อยละ 25 ของเงินลงทุน อนุญาตให้ใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือในโครงการที่ได้รับการส่งเสริม และสิทธิประโยชน์ที่ไม่ใช่ภาษีอากร ซึ่งสิทธิพิเศษเหล่านี้เป็นนโยบายที่รัฐบาลต้องการจูงใจ ให้มีการลงทุนในพื้นที่ สร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ประชาชน และบรรลุผลตามเป้าหมายที่กำหนด คือ การพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีความ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
บทความแนะนำ
“เบตง”เมืองต้นแบบการท่องเที่ยวชายแดนใต้เปิดแผนการพัฒนา “สุไหงโก-ลก” ให้เป็นศูนย์กลางทางการค้าชายแดนใต้“บูดู” จากวิถีชีวิต สู่ เศรษฐกิจชุมชนนกเขาชวา นกสันติภาพชายแดนใต้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น